สิวอุดตัน และสิวอักเสบเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแดง โดยพบว่าเนื้อเยื่อผิวที่มีการอักเสบและทำให้เกิดรอยแดงขึ้น เนื่องจากเนื้อเยื่อเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ร่างกายจึงจำเป็นต้องสร้างเส้นเลือดฝอยขึ้นมาทดแทน เพื่อให้สามารถลำเลียงสารอาหารต่างๆ เข้ามาบริเวณดังกล่าวได้ จึงเห็นเป็นรอยแดงอยู่ในบริเวณชั้นผิวดังกล่าว
1.ทายาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) มีส่วนประกอบจาก อนุพันธ์ของวิตามินเอ (Retinoid) ทำหน้าที่ในการผลัดเซลล์เคราติน (Keratin) ในชั้นผิวให้หลุดออกและช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวชั้นที่ลึก
ข้อควรระวัง การใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ห้ามใช้ เพราะอาจทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ (Teratogenic effect) ได้
2. Scargel เป็นครีมลดรอยแผลเป็น ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ทำให้รอยสิวจางไว
3. การรักษาด้วยแสง IPL (Intense Pulse Light – IPL) คือ การใช้พลังงานจากแสงที่มีคลื่นความถี่ที่สามารถช่วยลดทั้งรอยดำ รอยแดง ทำให้ผิวหน้าขาวใส และกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย
2.Dual Yellow เป็นเลเซอร์พลังงานคลื่นแสง มี 2 ชนิด คือ
- เลเซอร์สีเหลือง ความยาวคลื่น 578 nm. ทำให้รอยแดงจางลง
- เลเซอร์สีเขียว ความยาวคลื่น 511 nm. ช่วยลดรอยดำ ผิวหน้าหมองคล้ำ
3. Gold Laser 585 เป็นเลเซอร์ที่มีความเฉพาะเจาะจงต่อสิวและรอยแดงสิว นอกจากจะทำปฏิกิริยาโดยตรงต่อเม็ดเลือดแดงแล้ว ยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย
4. Spectra Gold Toning / Quanta System laser / Q plus laser เลเซอร์ให้หน้าใส เป็นเลเซอร์ชนิด Q-switched Nd:YAG ที่ปล่อยพลังงานแสงออกมาแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อทำให้เซลล์เม็ดสีแตกตัว และหลังจากนั้นเม็ดเลือดขาวจะดูดซึมหรือย่อยสลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้รอยฝ้า
5. ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยสร้างเซลล์เนื้อเยื่อ สาร Human EGF (sH-Oiogopeptide-1) สามารถช่วยลดอาการรอยแดงเช่นกัน