ถ้าหากคุณมีอาการเสียงแหบ เสียงแห้งเสียงพูดผิดปกติไปจากที่เคย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทั่วไป เป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหลมีการใช้เสียงมากเกินไป อายุมากขึ้น ดื่มเหล้าสูบบุหรี่จัด ได้ความกระทบเทือนที่กล่องเสียงจากการประสบอุบัติเหตุรวมถึงความผิดปกติของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการออกเสียงและอีกเหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เป็นไปได้ก็คืออาการสายเสียงอัมพาต แล้วอาการนี้เป็นอย่างไรเกิดขึ้นได้อย่างไร มีวิธีแก้ไขหรือไม่ เรามาไขข้อข้องใจให้กระจ่างกัน
สิ่งที่ทำให้เกิดเสียง
อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงคือ กล่องเสียง ภายในกล่องเสียงจะมีสายเสียงขึงอยู่สองด้าน ในเวลาที่ไม่ได้พูดสายเสียงทั้งสองจะหย่อนและอยู่ห่างกัน แต่เมื่อมีลมผ่านมาจากปอด สายเสียงทั้งสองนี้จะตึงตัวและเกิดการสั่นสะเทือนและโดยการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อขอลก่องเสียงจะทำให้เกิดเป็นเสียงสูงต่ำ แต่ยังไม่เป็นคำพูด จนกว่าเสียงนั้นจะกระทบกับคอ เพดานปาก ฟัน ลิ้นและริมฝีปาก ซึ่งขยับปรับเปลี่ยนรูปร่างไปตามคำที่ต้องการจะพูด จึงเกิดเป็นถ้อยคำต่างๆ ออกมา
สาเหตุ
สายเสียงอัมพาต อาจจะเป็นเพียงข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ สาเหตุเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทควบคุมการทำงานของเสียงจนทำให้สายเสียงไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ มักจะเกิดหลังการผ่าตัดบริเวณคอ ต่อมไทรอยด์ ผ่าตัดโรคหัวใจหรือปอด เกิดมะเร็งในปอดประสบอุบัติเหตุที่ลำคออาการผิดปกติบริเวณทรวงอกหรือ โรคหัวใจบางชนิด
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการสายเสียงอัมพาตรุนแรงมักมีปัญหาระบบทางเดินหายใจอุดกั้น ทำให้เสียงแหบและสำลักเวลารับประทานอาหาร แพทย์จะทำการประเมินเพื่อแก้ปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติสุขมากขึ้น ส่วนแนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ระยะเวลาที่เป็น รวมถึงประสบการณ์ความชำนาญของแพทย์แต่ละรายด้วย
อาการของสายเสียงอัมพาต
จากลักษณะการทำงานของสายเสียงที่มีความตึงหย่อน พลิ้วไหวตามแรงลมจากปอด รวมถึงการหดเกร็งตัวขณะเปล่งเสียงพูด แต่เมื่อใดก็ตามที่สายเสียงไม่สามารถเปิดปิดได้ตามปกติ และเปิดค้างไว้ ส่งผลให้มีอาการเสียงแหบ เสียงแห้ง มีลมแทรกขณะพูด มีการสั่นของเสียงที่ผิดปกติไป ระบบทางเดินหายใจไม่ได้รับการป้องกัน ส่งผลต่อการกลืน เวลารับประทานอาหารทำให้เกิดการสำลัก และที่แย่ไปว่านั้น ถ้าหากไม่รักษาจะนำไปสู่ภาวะปอดอักเสบจากการสำลักได้
- ในรายที่สายเสียงอัมพาตข้างเดียว ในระยะแรกอาจจะมีอาการเสียงแหบ ต่อมาอาจจะหายไปเองเพราะสายเสียงข้างที่เป็นปกติจะปรับตัวเข้ามาชิดข้างที่เป็นอัมพาต
- ในรายที่สายเสียงอัมพาตสองข้าง สายเสียงจะค้างไม่สามารถเปิดปิดได้ หากสายเสียงอ้าค้างอยู่ในลักษณะที่มีระยะห่างกันมากเกินไปเสียงจะแหบ แต่หากเสียงอยู่ในลักษณะชิดกันเกินไปจะทำให้หายใจลำบาก มีอาการทางเดินหายใจอุดกั้น ต้องใช้วิธีเจาะคอช่วยหายใจ
ถึงแม้ว่าเส้นประสาทในสมองจะเป็นตัวควบคุมสายเสียง แต่การเคลื่อนไหวผิดปกติก็ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทแต่เพียงอย่างเดียว อาจเกิดจากเนื้องอก ข้อกระดูกหรือข้อต่อบริเวณคอเคลื่อนจากการเกิดอุบัติเหตุ มีความผิดปกติของอวัยวะมาแต่กำเนิด เกิดการติดเชื้อ สายเสียงเป็นแผล และสาเหตุอื่นๆ ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง
วิธีการตรวจโรคอัมพาตสายเสียง
ในเบื้องต้นแพทย์จะคลำตรวจบริเวณคอเพื่อหาอาการเจ็บหรือก้อนบวมผิดปกติ ตรวจเช็คจมูก ปากและคอ รวมถึงสอบถามอาการและพฤติกรรมประจำวัน เพื่อประเมินหาสาเหตุเบื้องต้น จากนั้นจึงทำการตรวจด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- การส่องกล้อง เพื่อตรวจสอบลักษณะของสายเสียงระยะห่างของสายเสียงและการเคลื่อนไหวของสายเสียงให้ชัดเจนโดยสอดท่อที่ด้านปลายมีกล้องขนาดเล็กติดอยู่ สอดเข้าทางปากหรือรูจมูกเพื่อดูความผิดปกติภายในกล่องเสียง
- การตรวจเลือดสำหรับบางรายที่แพทย์สงสัยถึงอาการอักเสบติดเชื้อต่างๆ ก็จะใช้วิธีเจาะเลือดตรวจหาเชื้อร่วมด้วย
- การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากกล่องเสียงแพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อหรือสารคัดหลั่งภายในกล่องเสียงเพื่อตรวจหาเชื้อในห้องปฏิบัติการ
- การตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น การตรวจวัดคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อกล่องเสียง,การตรวจกล่องเสียงด้วยสโตรโบสโคป, การเอ็กซเรย์CT,ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ต้องตรวจหาความผิดปกติในระบบประสาทโดยเฉพาะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 11 และ 12 เพื่อบ่งชี้เนื้องอกในช่องคอรวมทั้งเส้นโลหิตหรือเส้นประสาทร่วมด้วย
การรักษา
- การฝึกพูดสำหรับผู้ป่วยที่มีสายเสียงอัมพาตหนึ่งข้าง สามารถใช้การฝึกพูดช่วยได้ เป็นการฝึกเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อให้การปิดของสายเสียงสองข้างปิดเข้าหากัน สำหรับผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นการฝึกพูดอาจจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
- การศัลยกรรมสายเสียงด้วยการผ่าตัดเปิดคอ สำหรับรายที่สายเสียงเป็นอัมพาตสองเส้น ต้องใช้วิธีเจาะคอต่อท่อหายใจ แล้วใช้วิธีการผ่าตัดกล่องเสียง เพื่อดึงสายเสียงให้แยกออกจากกัน ถ้าหากทำแล้วได้ผลดีก็สามารถนำท่อหายใจออกได้
- การศัลยกรรมสายเสียงด้วยการฉีดFiller หรือไขมันผ่านผิวหนังเข้าสู่สายเอ็นเสียงวิธีการนี้ไม่ต้องผ่าตัดเปิดคอ
- การฉีด stemcell เข้าที่สายเสียงของผู้ป่วย โดยใช้stemcellจากร่างกายของผู้ป่วยเอง ซึ่งมีความปลอดภัยสูงร่างกายไม่ต่อต้าน จำนวนครั้งของการฉีดขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
ข้อควรปฏิบัติก่อนการผ่าตัดกล่องเสียง
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อเตรียมการผ่าตัด
- กรณีเป็นหวัด ไอ มีเสมหะ ควรเลื่อนการผ่าตัดออกไป และพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อหายแล้วจึงนัดผ่าตัดใหม่อีกครั้ง
- ถ้าหากมีโรคประจำตัว โรคหัวใจ โรคปอด โรคเกี่ยวกับสมอง ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ก่อนรับการผ่าตัด
- งดแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์
ข้อควรปฏิบัติหลังการผ่าตัดกล่องเสียง
- ห้ามใช้เสียงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันสายเสียงบวมอักเสบ หรือมีผลต่อการหายของสายเสียง
- ห้ามใช้เสียงดัง ห้ามตะโกน หรือใช้เสียงเป็นเวลานานๆ
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน อาหารทอด รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- งดแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ